วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ประวัติ Dodge รถสัญชาติอเมริกัน สุดแกร่ง !!
Dodge แบรนด์ยานยนต์ชื่อดังสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดยสองพี่น้อง Horace และ John Dodge ในปี 1900 ปัจจุบันได้ถูกครอบครองโดย Cerberus Capital Management บริษัทลงทุนภาคเอกชนใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาในนามของบริษัท Chrysler Group LLC
ซึ่งทำงานร่วมกันกับบริษัท Fiat เพื่อพัฒนาแบรนด์ Dodge, Chrysler, และ Jeep ร่วมกัน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และมีสาขามากกว่า 60 ประเทศทั่วโลกในปี 1900 สองพี่น้อง Horace และ John Dodge ได้ก่อตั้งบริษัท Dodge Brother เพื่อผลิตเครื่องยนต์และแชสซีส์ส่งขายให้กับบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ในเมืองดีทรอยต์ ซึ่งในขณะนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ต่อมาลูกค้ารายใหญ่ของ Dodge ได้ก่อตั้งบริษัท Olds Motor Vehicle และได้เปลี่ยนเป็นบริษัท Ford Motor ทำให้สองพี่น้อง Dodge กลายเป็นผู้ค้าชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ของรัฐดีทรอยต์ และพวกเขาก็ไม่ได้หยุดนิ่งเพียงแค่ขายอะไหล่ยนต์ให้กับบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น พวกเขาได้เริ่มทดลองสร้างรถยนต์ขึ้นมาให้เป็นแบรนด์ของตนเองในปี 1913
Horace ได้คิดค้นเครื่องยนต์สี่สูบแบบใหม่ใส่ใน Dodge Model 30 ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถรุ่นที่บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับรถยนต์รุ่นหลัง เพราะเป็นรถที่ใช้ระบบไฟฟ้า 12 โวลต์ เกียร์สไลด์ และโครงสร้างรถทำจากเหล็กทั้งคัน ซึ่งรุ่นนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสองพี่น้องเป็นอย่างมากทั้งในด้านของการผลิตและส่วนประกอบรถที่มีคุณภาพสูง จึงทำให้ติดอันดับรถขายดีที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกาในปี 1916 และเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Ford Model T จากนั้นมา Dodge ก็ขึ้นชื่อในด้านของความทนทานและได้ถูกยอมรับโดยกองทัพสหรัฐอเมริกาที่ต่อมากลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Dodge ในการผลิตรถให้แก่กองทัพในช่วงสงครามต่อต้านกองกำลังแม็กซิโก
ในช่วงที่ Dodge กำลังรุ่งเรืองได้เกิดเหตุการณ์น่าสลดขึ้น เมื่อ John Dodge ได้เสียชีวิตลงในเดือนมกราคม ปี 1916 ด้วยโรคปอดบวม และในเดือนธันวาคมปีเดียว Horace Dodge ก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคตับแข็ง ซึ่งคนใกล้ชิดได้ระบุว่าในช่วงหลังการเสียชีวิตของ John นั้น Horace อยู่ในความเศร้าโศกตลอดเวลา และไม่สามารถทำใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ได้ ดังนั้นบริษัท Dodge Brother จึงตกไปอยู่ในการดูแลของภรรยาของทั้งสองคนซึ่งขึ้นมาเป็นผู้บริหารในเวลาต่อมา และได้เซ็นสัญญาทางการค้ากับบริษัทผู้ผลิตรถบรรทุก Graham Brothers ซึ่งในช่วงนั้น Dodge ได้ขึ้นทำเนียบเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตรถบรรทุกของประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปี 1925 บริษัท Dodge Brother ได้ถูกขายต่อให้กับกลุ่มผู้ลงทุน Dillon, Read & Co. ในราคา 146 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งในเวลานั้นถือว่าเป็นการทำธุรกรรมเงินสดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และได้เข้าไปร่วมถือหุ้นของบริษัท Graham Brothers จำนวน 49% ในปี 1926 แต่หลังจากนั้นยอดขายยานยนต์ของ Dodge ไม่ได้ทำกำไรจึงทำให้กลุ่มลงทุน Dillon, Read & Co. ตัดสินใจขายบริษัทให้กับ Chrysler Corporation ในปี 1928
แบรนด์ Dodge ไม่ได้มีการพัฒนารุ่นรถใดๆ ทั้งสิ้นหลังจากที่ผู้ก่อตั้งทั้งสองเสียชีวิต Chrysler จึงได้กลับมาพัฒนารูปลักษณ์ของ Dodge เป็นรูปแบบใหม่ ดูเพรียวลม และสวยงามขึ้น เรียกรูปแบบนี้ว่า Wind Stream และใช้เครื่องยนต์ 8 สูบ สำเร็จออกมาเป็นรถตระกูล Luxury Liner ซึ่งเป็นที่ถูกใจของตลาดเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงที่กิจการกำลังรุ่งเรืองก็มีอันต้องชะงักลงในปี 1942 เนื่องจากประเทศสหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ Dodge ต้องหันมาผลิตรถที่ใช้ในการสงครามแทน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพสหรัฐอเมริกาเลือกใช้แบรนด์ Dodge รถบรรทุกและรถพยาบาล ทั้งตระกูล VC และ WC จึงทำให้ Dodge เป็นที่รู้จักกันดีในเหล่าบรรดาทหารและประชาชน ส่งผลให้ภายหลังสงคราม Dodge ขายดีมากจนถึงปี 1948 แต่ด้วยดีไซน์เดิมๆ ของ Dodge ก็ไม่ได้เป็นที่ต้องตาต้องใจของตลาดในเวลาต่อมา จนมาถึงช่วงการเปลี่ยนแปลงในปี 1953 ภายใต้วิสัยทรรศของผู้นำ Virgil Exner ได้เปิดตัวเครื่องยนต์แบบใหม่ที่มีชื่อว่า Red Ram Hemi รุ่นที่ถูกออกแบบมาให้เล็กกว่า Chrysler Hemi และหันมาพัฒนาเชิงรุกในด้านการออกแบบมากขึ้น รถของ Dodge จึงเกิดวิวัฒนาการแบบใหม่ มีขนาดเล็กลง หลังคาสโลป และนำระบบการขับเคลื่อนล้อหลังของ Chrysler มาใช้ จึงได้รถรุ่นใหม่ Dodge Charger เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดและยังชนะการแข่งขัน NASCAR และตามมาด้วยรุ่นอื่นๆ เช่น Custom 880, Polara, และ Monaco
แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Dodge มากที่สุดมาจนถึงปัจจุบันเมื่อ Dodge ได้หันมาเปิดตลาดรถยนต์คันใหญ่สไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาดใหญ่หรือ Muscle car ในช่วงปลายปี 1960 เช่นรุ่น Charger, Coronet R/T, และ Super Bee เป็นช่วงที่ตลาดอเมริกาตื่นตาตื่นใจกับรถ Muscle Car เป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องปิดกระแสลงด้วยวิกฤติน้ำมันของสหรัฐอเมริกาในปี 1973
บริษัท Chrysler เจอพิษเศรษฐกิจเข้าขั้นวิกฤต ถูกคู่แข่งที่มีเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคงอย่าง General Motor และ Ford ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของ Dodge ได้อย่างรวดเร็ว แต่ Chrysler ก็ยังไม่ยอมแพ้นำรถรุ่นเก่ามาพัฒนาใหม่ เช่น Dodge Aspen, Dodge Diplomat แต่ก็ยังทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ต่อมาในปี 1979 Chrysler ได้แต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ Lee Lacocca ซึ่งเขาได้ร้องขอและได้รับการค้ำประกันการกู้ยืมเงินจากกองทุนรัฐบาลกลางสหรัฐ ทำให้บริษัทเริ่มมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น และเดินหน้าผลิตรถรุ่นใหม่ตระกูล K-Car ที่สามารถโดยสารได้ถึง 6 คน นั่นคือรุ่น Dodge Caravan เป็นรถมินิแวนรุ่นบุกเบิกที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ ตามมาด้วยรถสปอร์ต Dodge Spirit รุ่นที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายจำนวนมากจากทั่วโลก ในปี 1992 และรุ่นที่โด่งดังที่สุด Dodge Viper รถสปอร์ตที่ใช้เครื่องยนต์ V10 เป็นรุ่นแรกของโลกที่ถือว่าเป็นการคืนชีพของ Dodge อย่างแท้จริง
ต่อมาในปี 1998 Chrysler Corporation ได้รวมตัวเข้ากับบริษัทยักษ์ใหญ่ Daimler-Benz AG และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น DaimlerChrysler หรือที่รู้จักกันในนามของ Chrysler LLC และได้ขายหุ้นส่วนของบริษัทจำนวน 80.1% ให้กับบริษัท Cerberus Capital Management และ Daimler AG ก็ยังคงถือหุ้นอยู่จำนวน 19.9% จากนั้นได้ทำสัญญาพันธมิตรทางการค้ากับ Fiat บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลี และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Chrysler Group LLC ในปี 2009
จากความนิยมของ Dodge Viper ที่ได้ปรากฎโฉมอยู่ตามรายการทีวีต่างๆ วิดีโอเกมส์ ภาพยนตร์ และมิวสิควิดีโอ ยังได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ในปี 2010 ผู้บริหารคนล่าสุดของ Dodge ได้ประกาศว่าจะนำ Dodge Viper มาพัฒนาใหม่อีกครั้งสำหรับปี 2012